โรคภัยไข้เจ็บ ตอนที่ 34 – น้ำหนักที่เหมาะสม (2)
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 20 กันยายน 2566
- Tweet
เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงต้นคริสตทศวรรษ 1970s อัตราอ้วนเกินในบรรดาเด็กๆ และผู้ใหญ่มีเพียง 5% ซึ่งค่อยๆ สูงขึ้นอย่างสม่ำเสมอ (Steadily) ตั้งแต่นั้นมา จนกลายเป็น 39% ใน 2 ทศวรรษที่ผ่านมา
สหรัฐอเมริกา ทั้งประประเทศมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากอย่างที่รับรู้กัน ผลสำรวจ (Poll) แสดงว่า ถัวเฉลี่ยแล้ว ชาวอเมริกัน มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 5.9 กิโลกรัม ในปี ค.ศ. 2007 เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1990 โดยที่ในสถิตินี้ ผู้หญิงมีน้ำหนักเกิน 7.7 กิโลกรัม
นอกจากนี้ 68% ระบุ (State) ว่า น้ำหนักปัจจุบันของตัวเองสูงกว่าจุดมุ่งหมายของน้ำหนักที่หยั่งรู้ (Perceived) ไว้ ถึง 7.7 กิโลกรัม โดยที่โดยที่ในสถิตินี้ ผู้หญิงมีน้ำหนักเกิน 9.5 กิโลกรัม จึงเป็นที่แน่ชัดว่า อเมริกันมีน้ำหนักเพิ่มทั้งสังคม แต่ก็มิใช่สังคมเดียวที่ประสบพบเห็นเหตุการณ์นี้
ในปี ค.ศ. 2016 ทั่วโลกมีประชากร 650 ล้านคน ได้รับการจัดประเภทเป็นคนอ้วนเกิน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเกือบ 3 เท่า (Triple) ตั้งแต่ ค.ศ. 1975 ในปัจจุบัน ประชากรส่วนมากที่อาศัยอยู่ในประเทศที่โรคซับซ้อน (Complication) จากน้ำหนักเกิน [กว่าเกณฑ์] ได้คร่าชีวิตผู้คน มากกว่าโรคซับซ้อนจากน้ำหนักต่ำกว่าเกณ์
หนังสือพิมพ์ ลอส แอนเจลิส ไทม์ (Los Angeles Times) รายงานว่า คลื่นไขมัน (Tidal wave of fat) และการเจ็บป่วย (Ailment) ที่มาพร้อมกับมันดูเหมือน (Appear) จะกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ (Inevitable) ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากข้อมูลได้พยากรณ์ (Project) แนวโน้มของภาวะอ้วนเกิน (Obesity) ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผลลัพธ์ก็คือ ในปี ค.ศ. 2030 ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันเกือบทุกๆ 1 ใน 2 คน จะมีภาวะอ้วนเกิน และเกือบ 1 ใน 4 คน จะมีภาวะอ้วนเกินอย่างรุนแรง (Severe) จึงเกิดคำถามว่า สภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมอะไร ได้เปลี่ยนแปลงไปในสังคมอเมริกันที่สร้างปัญหาสาธารณสุข (Public health) นี้ ก่อนตอบคำถามนี้ เราควรเข้าใจว่า เราควบคุมน้ำหนักของร่างกายเราอย่างไร
อันที่จริง น้ำหนักของร่างกายเรามีสหสัมพันธ์ (Correlate) โดยตรงกับความสมดุลของพลังงาน (Energy balance) ซึ่งกล่าวว่า เมื่อปริมาณของพลังงานที่จำเป็นสำหรับความสมดุลของร่างกาย เท่ากับปริมาณที่ใช้ไป (Consumed) ในการเผาผลาญ (Burn) อาหาร (Diet) น้ำหนักของร่างกายก็จะคงที่ (Constant)
พลังงานในอาหารวัด (Measure) เป็นกิโลแคลอรี่ (Kilo-calory) ถ้าพลังงานที่ได้รับจากการกินอาหาร มากกว่าพลังงานที่ถูกเผาผลาญ ก็จะมีพลังงานเหลือหรือส่วนเกิน (Excess) ซึ่งจะสะสมในหลากหลายรูปแบบ เช่น (Glycogen), กล้ามเนื้อ (Muscle) ไขมัน (Fat) ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่ม (Weight gain)
ไขมัน เป็นปัจจัยสำคัญสุด เมื่อพลังงานนำเข้า (Intake) มากกว่าพลังงานที่ใช้ไป โดยเป็นหน่วยเก็บสำรอง (Back-up storage) ซึ่งอันที่จริง (Virtually) สามารถเก็บพลังงานในปริมาณที่ไม่จำกัด (Unlimited) ไว้ในเนื้อเยื่อไขมัน (Adipose tissue)
แหล่งข้อมูล -